Search

ทดลองทำ Story Poll มา 4 วัน เป็นคำถาม Yes or No คิ...

  • Share this:

ทดลองทำ Story Poll มา 4 วัน เป็นคำถาม Yes or No คิดอย่างนั้นใช่หรือไม่ มาลองดูผลกันว่า เราเองคิดเหมือนหรือแตกต่างอย่างไรบ้าง

อุ๊บอิ๊บไว้ก่อนว่านี่เป็นเพียงแค่การทำโพลระยะสั้นเท่านั้น ไม่สามารถเอาไปใช้อ้างอิงเพื่อการตัดสินใจเชิงลึกได้นะครับ แต่ว่าเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเลขที่เห็นจากโพลน่าจะบอกอะไรบางอย่างกับเราได้ และเหมือนทุก ๆ ครั้ง เราโตแล้วเห็นข้อมูลอะไรอย่าเพิ่งรีบเชื่อ วิเคราะห์สังเคราะห์และใช้วิจารณญาณของตนเองให้ดี

และที่สำคัญ ไม่มีคำตอบไหนที่ถูกหรือผิด อย่าเพิ่งตัดสินทุกอย่างจากประสบการณ์ของเราทั้งหมด เพราะประสบการณ์ที่เรามี อาจจะไม่เหมือนที่คนอื่น ๆ มีเช่นกัน

ประเด็นที่ 1 ถ้าตำแหน่งงานว่าง เราจะชวนเพื่อนสนิท ย้ำว่า เพื่อนสนิทให้มาทำงานด้วยกันกับเรา ในบริษัทเราหรือไม่

31 % ชวน 69 % ไม่ชวน ข้อนี้มีผู้ตอบแบบสอบถาม 181 คน

มีประเด็นที่น่าคิดสำหรับกรณีนี้ ถ้ามองในแง่ดีอย่างน้อย ๆ ก็มีถึง 31 % ที่อยากจะชวนเพื่อนมาร่วมงาน หลักการนึงบอกว่า คนเก่งก็อยากจะทำงานกับคนเก่ง แล้วถ้า 31 % นั้นคือคนเก่ง บริษัทเองก็จะได้ประโยชน์จากการที่คนเก่งชวนคนเก่งมาทำงานด้วยนี่แหละครับ

และถ้าบริษัทอยากจะให้พนักงานชวนเพื่อนเค้ามาทำงาน เรื่องแรกที่ต้องทำคือ ดูแลพนักงานให้ดี ให้จนเค้ารู้สึกได้ว่าอยากจะชวนเพื่อนสนิทของเค้ามาทำงานด้วยให้ได้ ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากชวนเพื่อนมาร่วมทุกข์กับเราจริงมั้ย เว้นแต่ว่านั่นไม่ใช่เพื่อนจริง ๆ

ประเด็นต่อมา สำหรับใครที่ Work From Home มานานแล้ว อยากจะกลับไปทำงานเต็มเวลาที่ออฟฟิศเหมือนปีก่อนหน้านี้

47 % อยากกลับไป แต่ 53 % อยากทำงานที่บ้านแบบนี้ดีแล้ว ข้อนี้มีผู้ตอบแบบสอบถาม 282 คน

ข้อนี้ถ้ามีตัวเลือกเพิ่มคือการทำงานแบบลูกผสมหรือ Hybrid น่าจะได้เสียงเชียร์ไม่น้อย และผมก็คิดว่าจะเป็นแนวทางที่หลายองค์กรไปปรับใช้แน่ ๆ เพราะวันนี้ก็มีหลายที่ใช้หลักการ Work From Anywhere ไปแล้ว และแน่นอนสิ่งที่จะเป็นปัญหาในการทำงานคือ วิธีการทำงานแบบใหม่ การใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนเดิม และการสื่อสารที่อาจจะยากขึ้นในช่วงแรก ๆ

อย่าลืมเตรียมตัวเพื่อปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงที่จะเจอกันเร็ว ๆ นี้ด้วย

ประเด็นที่สาม ถ้าเราได้เงินเดือนสูงกว่าที่อื่นในตำแหน่งเดียวกัน 30 % แต่ต้องทำงานกับหัวหน้าแย่ ๆ เราจะทำงานต่อไป หรือเราเลือกที่ออกไปหาความสบายใจที่อื่นแม้ว่าจะได้เงินน้อยลง

59 % เลือกที่่จะลาออก 41 % ไม่ออกหรอก ออกทำไมกัน ^^ ข้อนี้มีผู้ตอบแบบสอบถาม 694 คน

ข้อนี้ผมไม่มีอะไรเพิ่มเติม เพราะเราคงไม่สามารถเอาระดับความอดทนของแต่ละคนมาเปรียบเทียบกันได้ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ผู้บริหาร บริษัทและ HR น่าจะต้องใส่ใจเรื่องการพัฒนาหัวหน้าอย่างจริงจังนะครับ เพราะถ้าหัวหน้าดูแลลูกน้องได้ดี อย่างน้อย ๆ คือไม่ต้องจ่ายเงินเดือนแพงกว่าบริษัทอื่นถึง 30 % เพื่อที่จะดึงคนเหล่านั้นไว้กับองค์กร จริงมั้ย

และประเด็นสุดท้าย อยากลาออกแต่กลัวการเริ่มต้นใหม่

ุ63 % บอกว่าใช่ ฉันกลัวที่จะต้องไปเริ่มใหม่ 37 % บอกว่าไม่ใช่ อาจจะมีเรื่องอื่นที่น่ากลัวกว่านั้นจนทำให้ยังไม่ลาออกซะที ข้อนี้มีผู้ตอบแบบสอบถาม 356 คน

เรื่องนี้ก็เช่นกันไม่มีผิดไม่มีถูก การกลัวที่จะเริ่มต้นใหม่เกิดได้จากความกังวลในหลายเหตุผลที่ต่างกันออกไป กลัวไม่ผ่านโปรบ้าง กลัวหนีเสือปะจระเข้บ้าง หรือกลัวไปแล้วไม่มีโอกาสโตบ้าง เพราะฉนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะกลัว

แต่ถ้าบริษัทไหน ตอนนี้อยากได้คนทำงานเยอะ ๆ นี่คือเรื่องที่น่าไปคิดต่อครับ ทำอย่างไรให้คนเหล่านี้ไม่กลัวที่จะมาเริ่มต้นใหม่ที่บริษัทของเรา Onboarding Process ของเราต้องปรับปรุงพัฒนายังไงมั้ย ให้จูงใจ และสร้างความมั่นใจให้ 63 % กล้าที่จะออกจาก Comfort Zone แล้วมาร่วมลุ้นไปกับบริษัทของเรา

ย้ำอีกที วิเคราะห์สังเคราะห์และใช้วิจารณญาณให้ดีในการรับข้อมูลนะครับ

The Story Poll ยังมีให้ทำอยู่เรื่อย ๆ เป็นคำถาม Yes or No เท่านั้นตอบไม่ยาก ฝากไปตอบคำถามกันหน่อย แล้วมีเวลาและมีเรื่องที่น่าสนใจจาก Poll เมื่อไหร่ จะมาเล่าให้ฟังกันอีกนะครับ

#HRTheNextGen
#มนุษย์เงินเดือน #HR2021


Tags:

About author
not provided
Truly Madly Deeply and Reality of People at Work contact Work Only : KRIT- 085 173 9881/ [email protected] / [email protected]
View all posts